ทำไมพฤติกรรมจึงสำคัญต่อความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

แม้ปัจจัยทางพันธุกรรมและอายุจะมีผลต่อการเกิดมะเร็งเต้านมแต่จากข้อมูลของ Harvard School of Public Health (2020) พบว่ากว่า 70% ของความเสี่ยงทั้งหมด มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน

มะเร็งเต้านมไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียว มันค่อย ๆ สะสมจากสิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำซ้ำทุกวันการรู้จัก “พฤติกรรมเสี่ยง” จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการป้องกันที่ดีที่สุด

1. ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด — ไม่ว่าจะเป็นไวน์ เบียร์ หรือค็อกเทล —เพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์เต้านม

ผู้หญิงที่ดื่มแอลกอฮอล์ 3 แก้วขึ้นไปต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นถึง 15–20%และความเสี่ยงจะสูงขึ้นตามปริมาณการดื่ม

2. นั่งนาน ไม่ค่อยออกกำลังกาย

ร่างกายที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวมีแนวโน้มสะสมไขมันส่วนเกินและไขมันคือตัวผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย

จากงานวิจัยของ World Cancer Research Fund (2019) พบว่าการออกกำลังกายระดับปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์สามารถลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านมได้ถึง 25%

3. พักผ่อนไม่พอ เครียดสะสม

ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงซึ่งไปรบกวนสมดุลของฮอร์โมนเพศหญิงและภูมิคุ้มกัน

ผู้หญิงที่นอนหลับน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืนมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมสูงกว่าผู้ที่นอน 7–8 ชั่วโมงถึง 40%(Breast Cancer Research, 2018)

4.  ใช้ฮอร์โมนทดแทนหรือยาคุมกำเนิดระยะยาว

การใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านมในบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง

อย่างไรก็ตาม การใช้ฮอร์โมนสามารถทำได้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และควรตรวจเต้านมเป็นประจำระหว่างการใช้ยาเหล่านี้

5. ไม่เคยตรวจเต้านมหรือเลี่ยงการตรวจ

   
   

นี่คือ “พฤติกรรมเสี่ยงอันดับหนึ่ง” ที่พบมากที่สุดในผู้หญิงไทยเพราะมะเร็งเต้านมส่วนใหญ่ถูกพบในระยะลุกลาม เนื่องจาก “กลัวการตรวจ” หรือ “คิดว่าไม่มีอาการ”

สุขภาพดีไม่ใช่เรื่องของโชค แต่คือเรื่องของ “ทางเลือกในทุกวัน”

ลองเริ่มจากการ

• ลดแอลกอฮอล์

• ขยับตัวมากขึ้น

• พักผ่อนให้พอ

• ตรวจเต้านมเป็นประจำ

  
  

เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ คือการลงทุนระยะยาวให้กับชีวิต